กองทัพไทยยืนยันพื้นที่ชายแดนคงความสงบ หลังพบโดรนกัมพูชาบินสอดแนมในเขตประเทศตัวเอง
📤 แชร์ข่าวนี้
🕒 2025-12-30 17:49:45
#ชายแดนไทยกัมพูชา #หยุดยิง #โดรนสอดแนม #ปราสาทคนา #อธิปไตยไทย #ความมั่นคงชายแดน #กองทัพบกไทย #สถานการณ์ชายแดน #สงบเรียบร้อย #Joint Statement #กัมพูชา #ทหารไทย
ในช่วงใกล้ครบกำหนด 72 ชั่วโมงของการสังเกตการณ์หยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา สถานการณ์บริเวณชายแดนยังคงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยกองทัพไทยได้ยึดครองพื้นที่สำคัญที่เคยมีข้อพิพาท เช่น ปราสาทคนา ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเหมือน รวมถึงพื้นที่บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งถือเป็นการยืนยันอธิปไตยของไทยในดินแดนดังกล่าวอย่างชัดเจน
พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการลงนามใน Joint Statement ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 นั้น ระบุชัดเจนว่ากำลังทหารจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่ตนเองควบคุมเท่านั้น และเมื่อพื้นที่ใดอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายใด ฝ่ายนั้นจะถือเป็นเจ้าของเขตแดนนั้นอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ที่ทหารไทยยึดคืนกลับมาแล้ว จะถือเป็นเขตแดนของไทยโดยสมบูรณ์ และไม่มีการอนุญาตให้ชาวกัมพูชากลับเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กองทัพไทยยังตรวจพบการบินของโดรนทหารกัมพูชาหลายลำในบริเวณใกล้เคียงเขตแดนไทย-กัมพูชา เช่น บริเวณช่องอานม้า เนิน 677 ช่องพระพลัย และช่องโดนโป แม้ว่าการบินโดรนเหล่านี้จะยังอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชา แต่ก็เป็นการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงหยุดยิงที่ระบุไว้ว่าห้ามมีการทำกิจกรรมทางทหารล่วงล้ำเข้าไปในน่านฟ้า ดินแดน หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย
รายงานจากกองทัพภาค 2 ระบุว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 28 ธันวาคม 2568 เวลาราว 19.00 น. พบโดรนทหารกัมพูชาบินรวมกันถึง 26 ลำที่ช่องพระพะลัย จังหวัดศรีสะเกษ บินจากทิศตะวันตกไปตะวันออก และยังพบโดรนอีก 10 ลำที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี บินไปยังเนิน 677 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่ยังคงมีอยู่ แม้จะไม่ล่วงล้ำพื้นที่ของไทยก็ตาม
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่ยังคงมีอยู่ในพื้นที่ชายแดน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงและการเจรจาระหว่างสองฝ่ายก็ตาม การที่กัมพูชายังคงปฏิบัติการบินโดรนในพื้นที่ใกล้เคียงอาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนหรือการสอดแนมที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยกองทัพไทยเองก็ยังคงรักษาความมั่นคงอย่างเข้มงวดและยืนยันสิทธิในพื้นที่ของตน
ในระยะถัดไป ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาจะต้องอาศัยการสื่อสารและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจบานปลายเป็นความขัดแย้งใหญ่ การเฝ้าระวังกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ชายแดนและการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ยังต้องจับตาดูว่าฝ่ายกัมพูชาจะปรับแนวทางปฏิบัติอย่างไรหลังจากนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและความร่วมมือที่ยั่งยืนในอนาคต
📤 แชร์ข่าวนี้
← กลับหน้ารายการข่าว