กต. แจงผลประชุม 3 ฝ่าย ไทย-จีน-กัมพูชา เน้นส่งเสริมสันติภาพและหยุดยิงจริงจังที่ชายแดน

เมื่อวันที่ 28-29 ธันวาคมที่ผ่านมา การประชุม 3 ฝ่ายระหว่างไทย จีน และกัมพูชา ณ เมืองอวี้ซี มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้สะท้อนความพยายามของทั้งสามฝ่ายในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างจริงจัง โดยนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปสถานการณ์และผลการหารือต่อคณะทูตจาก 60 ประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งถือเป็นการแสดงความโปร่งใสและความตั้งใจของฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติและยั่งยืน

ในการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยได้หารือทวิภาคีกับฝ่ายจีน ซึ่งจีนได้ยืนยันบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในลักษณะ "Asian way" ที่เน้นความเคารพอธิปไตยและหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน พร้อมทั้งแสดงความยินดีในความคืบหน้าของข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา นอกจากนี้ การประชุม 3 ฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศไทยได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ฝ่ายกัมพูชาจะต้องปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วมเกี่ยวกับการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หลังพบเหตุการณ์โดรนกัมพูชาล้ำเข้ามาในพื้นที่ไทย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลง และอยู่ระหว่างการพิจารณาการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ถูกควบคุมตัวตามข้อกำหนดในถ้อยแถลงร่วม ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้ออกคำสั่งห้ามบินโดรนในพื้นที่แนวชายแดนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำซ้อนในอนาคต

ผลการประชุมครั้งนี้สะท้อนว่าทั้งสามฝ่ายพยายามสร้างเส้นทางเดินหน้าที่ชัดเจนและมี Road Map เพื่อความสงบสุขที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาออตตาวาในการรวบรวมหลักฐานและประท้วงอย่างเป็นทางการต่อฝ่ายกัมพูชาเพื่อรักษาความชอบธรรมทางกฎหมายและอธิปไตยของชาติ การประชุมยังเน้นย้ำความสำคัญของความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประเมินสถานการณ์และดำเนินการเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย

ในภาพรวม การประชุม 3 ฝ่ายครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลและเจตนารมณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณบวกต่อการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนด้วยวิธีสันติวิธี โดยการสนับสนุนของจีนในฐานะฝ่ายกลางช่วยเพิ่มน้ำหนักและแรงจูงใจให้ทั้งไทยและกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการละเมิดข้อตกลงยังเป็นดัชนีชี้วัดความท้าทายที่ฝ่ายต่าง ๆ ต้องร่วมกันแก้ไข หากสามารถรักษาความต่อเนื่องของการหยุดยิงและความร่วมมือทางทหารได้อย่างจริงจัง จะช่วยส่งเสริมเสถียรภาพชายแดนและสร้างบรรยากาศที่ดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคต่อไป