เดือดเกมตีความประชาธิปไตย! “จุลพันธ์” สวนแรง แนวคิดได้ที่หนึ่งแต่ไม่โหวตคือไม่เคารพประชาชน ชี้อันตรายลดค่าระบบสภา
=
ท่าทีทางการเมืองเริ่มเข้มข้น เมื่อ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แกนนำและหัวหน้าพรรค พรรคเพื่อไทย ออกมาตอบโต้ความเห็นที่ระบุว่า พรรคที่ได้เสียง สส. เป็นอันดับ 1 หากไม่ได้รับการโหวตสนับสนุนจากพรรคอื่น เท่ากับเป็นการ “ไม่เคารพเสียงประชาชน” โดยชี้ชัดว่าเป็นการตีความที่อันตรายและบิดเบือนหลักประชาธิปไตย
จุลพันธ์อธิบายว่า การยึดเอา “อันดับคะแนน” เป็นคำตอบสุดท้ายทางการเมือง เท่ากับลดทอนประชาธิปไตยให้เหลือเพียงตัวเลข ไม่ใช่กระบวนการตามรัฐสภาที่ออกแบบมาเพื่อถ่วงดุล ตรวจสอบ และต่อรองเชิงนโยบาย การโหวตในสภาไม่ใช่พิธีกรรมรับรองผู้ชนะอันดับหนึ่งโดยอัตโนมัติ แต่เป็นกลไกที่สะท้อนเจตจำนงของผู้แทนจากประชาชนทั้งประเทศผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้าน
ท่าทีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นสัญญาณทางการเมืองที่มีนัยสำคัญ เพราะสะท้อนจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อกรอบความชอบธรรมของการจัดตั้งรัฐบาลและการทำงานในสภา จุลพันธ์ย้ำว่า ความเคารพประชาชนไม่ได้วัดจากการยกมือโหวตให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องวัดจากการยึดหลักกติกา กระบวนการ และการตรวจสอบถ่วงดุล เพื่อให้การบริหารประเทศมีเสถียรภาพและความรับผิดชอบ
นักวิเคราะห์มองว่า ประเด็นนี้กำลังกลายเป็นเส้นแบ่งทางความคิดระหว่าง “ประชาธิปไตยเชิงตัวเลข” กับ “ประชาธิปไตยเชิงกระบวนการ” ฝ่ายแรกเชื่อว่าผู้ได้อันดับหนึ่งควรได้สิทธิ์นำโดยอัตโนมัติ ขณะที่ฝ่ายหลังเห็นว่า ระบบรัฐสภาเปิดพื้นที่ให้ผู้แทนใช้ดุลยพินิจ โหวตตามนโยบาย ความเหมาะสม และความเชื่อมั่นต่อการบริหาร
ในทางปฏิบัติ การย้ำหลักการเช่นนี้ยังสะท้อนความพยายามลดแรงกดดันทางการเมืองที่อาจนำไปสู่การกล่าวหาหรือทำให้การโหวตในสภาถูกตีตราว่า “ไม่เคารพประชาชน” ซึ่งอาจบ่อนทำลายความชอบธรรมของระบบในระยะยาว
ท้ายที่สุด ท่าทีของจุลพันธ์จึงไม่ใช่เพียงการโต้แย้งความเห็นหนึ่ง แต่เป็นการตั้งกรอบถกเถียงใหม่ให้สังคมพิจารณาว่า ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งควรยืนอยู่บนตัวเลขอันดับ หรือบนกระบวนการถ่วงดุลและความรับผิดชอบร่วมกันของผู้แทนในสภา
ท่าทีทางการเมืองเริ่มเข้มข้น เมื่อ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แกนนำและหัวหน้าพรรค พรรคเพื่อไทย ออกมาตอบโต้ความเห็นที่ระบุว่า พรรคที่ได้เสียง สส. เป็นอันดับ 1 หากไม่ได้รับการโหวตสนับสนุนจากพรรคอื่น เท่ากับเป็นการ “ไม่เคารพเสียงประชาชน” โดยชี้ชัดว่าเป็นการตีความที่อันตรายและบิดเบือนหลักประชาธิปไตย
จุลพันธ์อธิบายว่า การยึดเอา “อันดับคะแนน” เป็นคำตอบสุดท้ายทางการเมือง เท่ากับลดทอนประชาธิปไตยให้เหลือเพียงตัวเลข ไม่ใช่กระบวนการตามรัฐสภาที่ออกแบบมาเพื่อถ่วงดุล ตรวจสอบ และต่อรองเชิงนโยบาย การโหวตในสภาไม่ใช่พิธีกรรมรับรองผู้ชนะอันดับหนึ่งโดยอัตโนมัติ แต่เป็นกลไกที่สะท้อนเจตจำนงของผู้แทนจากประชาชนทั้งประเทศผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้าน
ท่าทีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นสัญญาณทางการเมืองที่มีนัยสำคัญ เพราะสะท้อนจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อกรอบความชอบธรรมของการจัดตั้งรัฐบาลและการทำงานในสภา จุลพันธ์ย้ำว่า ความเคารพประชาชนไม่ได้วัดจากการยกมือโหวตให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องวัดจากการยึดหลักกติกา กระบวนการ และการตรวจสอบถ่วงดุล เพื่อให้การบริหารประเทศมีเสถียรภาพและความรับผิดชอบ
นักวิเคราะห์มองว่า ประเด็นนี้กำลังกลายเป็นเส้นแบ่งทางความคิดระหว่าง “ประชาธิปไตยเชิงตัวเลข” กับ “ประชาธิปไตยเชิงกระบวนการ” ฝ่ายแรกเชื่อว่าผู้ได้อันดับหนึ่งควรได้สิทธิ์นำโดยอัตโนมัติ ขณะที่ฝ่ายหลังเห็นว่า ระบบรัฐสภาเปิดพื้นที่ให้ผู้แทนใช้ดุลยพินิจ โหวตตามนโยบาย ความเหมาะสม และความเชื่อมั่นต่อการบริหาร
ในทางปฏิบัติ การย้ำหลักการเช่นนี้ยังสะท้อนความพยายามลดแรงกดดันทางการเมืองที่อาจนำไปสู่การกล่าวหาหรือทำให้การโหวตในสภาถูกตีตราว่า “ไม่เคารพประชาชน” ซึ่งอาจบ่อนทำลายความชอบธรรมของระบบในระยะยาว
ท้ายที่สุด ท่าทีของจุลพันธ์จึงไม่ใช่เพียงการโต้แย้งความเห็นหนึ่ง แต่เป็นการตั้งกรอบถกเถียงใหม่ให้สังคมพิจารณาว่า ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งควรยืนอยู่บนตัวเลขอันดับ หรือบนกระบวนการถ่วงดุลและความรับผิดชอบร่วมกันของผู้แทนในสภา
← กลับหน้ารายการข่าว