บิ๊กโจ๊กโต้เดือด! เข้า บก.ปปป. ลั่นเสียใจลูกน้องแฉแต่เข้าใจ ตั้งคำถามกระบวนการเอาผิดเร็วผิดปกติ
=
คดีที่สังคมจับตาเดินหน้าอีกขั้น เมื่อ สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 เพื่อนำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเข้าชี้แจง พร้อมยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่น
บิ๊กโจ๊กยืนยันว่าไม่เคยรับของจากใคร ไม่เคยสั่งการให้นำทองคำไปมอบให้บุคคลใด และยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน แม้ผู้กล่าวหาจะเป็นลูกน้องใกล้ชิดของตนเองก็ตาม พร้อมยอมรับตรงไปตรงมาว่า “เสียใจ” กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เข้าใจว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนต่างต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของกระบวนการสอบสวน โดยชี้ว่าการรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินคดีกับตนเองเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินปกติ และอาจไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญ เนื่องจากบุคคลที่ออกมากล่าวหาตนเอง ซึ่งอ้างว่ามีการนำทองคำไปให้ผู้อื่น กลับไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีใดๆ ในขณะที่ตนเองกลับถูกดำเนินการอย่างเร่งด่วน
บิ๊กโจ๊กยังเปิดประเด็นว่า มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม ทั้งที่มีการแจ้งความอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งสวนทางกับแนวปฏิบัติที่เขาเคยทำงานมาในวงการตำรวจ พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดขั้นตอนจึงกลับด้านเช่นนี้
เขายังกล่าวถึงปมลูกน้องที่ไปพัวพันกับบุคคลชื่อ “มินนี่” ทั้งการยืมเงินและโอนเงิน จนทำให้ปัญหาลุกลามมาถึงตนเอง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในคดีนี้ไม่มีลูกน้องคนใดถูกให้ออกจากราชการ มีเพียงตนเองที่ถูกดำเนินการรุนแรง ขณะที่ลูกน้องถูกพักราชการเท่านั้น ทั้งที่ตนไม่ได้เป็นตัวการโดยตรง
ท้ายที่สุด บิ๊กโจ๊กกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ไม่โกรธเคืองลูกน้องที่ออกมาแฉ แม้จะเชื่อว่าบางคนอาจหลงเชื่อคำพูดของผู้อื่นว่าจะได้รับการช่วยเหลือหรือพากลับเข้ารับราชการ พร้อมฝากคำถามกลับไปว่า “มั่นใจหรือว่าจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ” และยืนยันจะสู้คดีด้วยความจริงตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด
คดีที่สังคมจับตาเดินหน้าอีกขั้น เมื่อ สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 เพื่อนำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเข้าชี้แจง พร้อมยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่น
บิ๊กโจ๊กยืนยันว่าไม่เคยรับของจากใคร ไม่เคยสั่งการให้นำทองคำไปมอบให้บุคคลใด และยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน แม้ผู้กล่าวหาจะเป็นลูกน้องใกล้ชิดของตนเองก็ตาม พร้อมยอมรับตรงไปตรงมาว่า “เสียใจ” กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เข้าใจว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนต่างต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของกระบวนการสอบสวน โดยชี้ว่าการรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินคดีกับตนเองเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินปกติ และอาจไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญ เนื่องจากบุคคลที่ออกมากล่าวหาตนเอง ซึ่งอ้างว่ามีการนำทองคำไปให้ผู้อื่น กลับไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีใดๆ ในขณะที่ตนเองกลับถูกดำเนินการอย่างเร่งด่วน
บิ๊กโจ๊กยังเปิดประเด็นว่า มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม ทั้งที่มีการแจ้งความอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งสวนทางกับแนวปฏิบัติที่เขาเคยทำงานมาในวงการตำรวจ พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดขั้นตอนจึงกลับด้านเช่นนี้
เขายังกล่าวถึงปมลูกน้องที่ไปพัวพันกับบุคคลชื่อ “มินนี่” ทั้งการยืมเงินและโอนเงิน จนทำให้ปัญหาลุกลามมาถึงตนเอง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในคดีนี้ไม่มีลูกน้องคนใดถูกให้ออกจากราชการ มีเพียงตนเองที่ถูกดำเนินการรุนแรง ขณะที่ลูกน้องถูกพักราชการเท่านั้น ทั้งที่ตนไม่ได้เป็นตัวการโดยตรง
ท้ายที่สุด บิ๊กโจ๊กกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ไม่โกรธเคืองลูกน้องที่ออกมาแฉ แม้จะเชื่อว่าบางคนอาจหลงเชื่อคำพูดของผู้อื่นว่าจะได้รับการช่วยเหลือหรือพากลับเข้ารับราชการ พร้อมฝากคำถามกลับไปว่า “มั่นใจหรือว่าจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ” และยืนยันจะสู้คดีด้วยความจริงตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด
← กลับหน้ารายการข่าว