อันวาร์ลั่นชัด! มาเลเซียหนุนหยุดยิงไทย–กัมพูชา ย้ำศักดิ์ศรีอาเซียนต้องมาก่อน ส่งสัญญาณถ่ายไม้ต่อฟิลิปปินส์คุมเกมสันติภาพ
=
ถ้อยแถลงของอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อเขาออกมาแสดงท่าทีต้อนรับการหยุดยิงอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (UTC+7) พร้อมเน้นย้ำว่า การตัดสินใจยุติการสู้รบและการตรึงกำลังในพื้นที่ เป็นสัญญาณของ “การยอมรับร่วมกัน” ว่าความยับยั้งชั่งใจคือสิ่งจำเป็นสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อผลประโยชน์ของพลเรือนต้องมาก่อนทุกสิ่ง
อันวาร์ชี้ว่า แถลงการณ์ร่วมของทั้งสองประเทศไม่ได้เป็นเพียงคำประกาศเชิงสัญลักษณ์ แต่ได้กำหนดมาตรการเชิงปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ทั้งการจัดตั้งทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน และการเปิดช่องทางสื่อสารโดยตรงระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกพื้นฐานในการลดความเข้าใจผิด และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
น้ำหนักของถ้อยแถลงครั้งนี้ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อมาเลเซียกำลังจะส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้กับฟิลิปปินส์ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 1 มกราคม 2026 อันวาร์ย้ำว่า แม้จะพ้นวาระประธานแล้ว มาเลเซียยังพร้อมสนับสนุนทุกความพยายาม เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงและมาตรการที่ตกลงกันไว้ ถูกปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์และจริงจัง
นักวิเคราะห์มองว่า คำว่า “ศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของอาเซียน” ที่อันวาร์กล่าวถึง ไม่ได้หมายถึงเพียงภาพลักษณ์ทางการทูต แต่เป็นบททดสอบว่ากลไกอาเซียนยังมีพลังเพียงใดในการรักษาสันติภาพในภูมิภาค ท่ามกลางแรงกดดันจากความขัดแย้งและสายตาของนานาชาติ
ในมุมของสาธารณชน การออกมาแสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นของผู้นำมาเลเซีย ช่วยลดอุณหภูมิความตึงเครียด และตอกย้ำว่า อาเซียนยังคงยึดหลักการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี อย่างไรก็ตาม ความหวังทั้งหมดจะเกิดผลได้จริงหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของทั้งสองฝ่ายหลังจากนี้ ว่าจะรักษาคำมั่นที่ให้ไว้ เพื่อคงสถานะของภูมิภาคนี้ในฐานะ “ดินแดนแห่งสันติภาพ” ได้เพียงใด
ถ้อยแถลงของอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อเขาออกมาแสดงท่าทีต้อนรับการหยุดยิงอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (UTC+7) พร้อมเน้นย้ำว่า การตัดสินใจยุติการสู้รบและการตรึงกำลังในพื้นที่ เป็นสัญญาณของ “การยอมรับร่วมกัน” ว่าความยับยั้งชั่งใจคือสิ่งจำเป็นสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อผลประโยชน์ของพลเรือนต้องมาก่อนทุกสิ่ง
อันวาร์ชี้ว่า แถลงการณ์ร่วมของทั้งสองประเทศไม่ได้เป็นเพียงคำประกาศเชิงสัญลักษณ์ แต่ได้กำหนดมาตรการเชิงปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ทั้งการจัดตั้งทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน และการเปิดช่องทางสื่อสารโดยตรงระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกพื้นฐานในการลดความเข้าใจผิด และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
น้ำหนักของถ้อยแถลงครั้งนี้ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อมาเลเซียกำลังจะส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้กับฟิลิปปินส์ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 1 มกราคม 2026 อันวาร์ย้ำว่า แม้จะพ้นวาระประธานแล้ว มาเลเซียยังพร้อมสนับสนุนทุกความพยายาม เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงและมาตรการที่ตกลงกันไว้ ถูกปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์และจริงจัง
นักวิเคราะห์มองว่า คำว่า “ศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของอาเซียน” ที่อันวาร์กล่าวถึง ไม่ได้หมายถึงเพียงภาพลักษณ์ทางการทูต แต่เป็นบททดสอบว่ากลไกอาเซียนยังมีพลังเพียงใดในการรักษาสันติภาพในภูมิภาค ท่ามกลางแรงกดดันจากความขัดแย้งและสายตาของนานาชาติ
ในมุมของสาธารณชน การออกมาแสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นของผู้นำมาเลเซีย ช่วยลดอุณหภูมิความตึงเครียด และตอกย้ำว่า อาเซียนยังคงยึดหลักการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี อย่างไรก็ตาม ความหวังทั้งหมดจะเกิดผลได้จริงหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของทั้งสองฝ่ายหลังจากนี้ ว่าจะรักษาคำมั่นที่ให้ไว้ เพื่อคงสถานะของภูมิภาคนี้ในฐานะ “ดินแดนแห่งสันติภาพ” ได้เพียงใด
← กลับหน้ารายการข่าว