เดือดเกมข้อมูล! กล่าวหาไทย “ทุบพระวิษณุ” ปลุกคว่ำบาตร หวังปั่นฮินดูทั่วโลก สังคมชี้ชัด Fake News เล่นสกปรกถึงขีดสุด

📤 แชร์ข่าวนี้

🕒 2025-12-28 16:48:18
เดือดเกมข้อมูล! กล่าวหาไทย “ทุบพระวิษณุ” ปลุกคว่ำบาตร หวังปั่นฮินดูทั่วโลก สังคมชี้ชัด Fake News เล่นสกปรกถึงขีดสุด
#= คว่ำบาตรไทย #ข่าวลวง #FakeNews #สงครามข้อมูลข่าวสาร #ไทยกัมพูชา #ปั่นกระแส #ศาสนา #การเมืองระหว่างประเทศ

=
สถานการณ์ความตึงเครียดไทย–กัมพูชาทวีความร้อนแรงขึ้นอีกระดับ หลังเกิดกระแสกล่าวหาในโลกออนไลน์ว่า “ประเทศไทยทุบทำลายรูปปั้นพระวิษณุ” จนถูกมองว่าเป็นความพยายามปลุกกระแสให้เกิดการคว่ำบาตรไทยในเวทีนานาชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวฮินดูและประชาชนในอินเดียซึ่งมีประชากรกว่า 1.2 พันล้านคน

กระแสดังกล่าวถูกวิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทยว่าเป็น “เกมข่าวลวง” หรือ Fake News ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการบิดเบือนความจริง เพื่อสร้างความเกลียดชังต่อไทยในระดับสากล นักวิเคราะห์มองว่า การเลือกใช้ประเด็นศาสนาเป็นเครื่องมือ ถือเป็นกลยุทธ์ที่อ่อนไหวและอันตราย เพราะศาสนาเกี่ยวข้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของผู้คนจำนวนมหาศาล หากถูกปลุกปั่นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดในวงกว้าง

หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ข่าวลวงลักษณะนี้อาจมีเป้าหมายซ่อนเร้นมากกว่าการโจมตีภาพลักษณ์ไทยเพียงอย่างเดียว ทั้งการหวังดึงแรงสนับสนุนจากต่างชาติ การขอความช่วยเหลือทางทหาร หรือแม้แต่การเบี่ยงกระแสการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ด้วยการทำให้ไทยถูกมองในแง่ลบในสายตาชาวโลก

ในมุมของผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงข้อมูล ข่าวลือเรื่องการ “ทุบพระวิษณุ” ถูกชี้ว่าไม่มีหลักฐานยืนยัน และเข้าข่ายการปั่นกระแสเพื่อยั่วยุทางอารมณ์มากกว่าการนำเสนอข้อเท็จจริง การใช้ถ้อยคำรุนแรงและการเชื่อมโยงไปถึงการคว่ำบาตรหรือการขอความช่วยเหลือทางทหาร ถูกมองว่าเป็นความพยายามยกระดับความขัดแย้งจากระดับทวิภาคีไปสู่ระดับโลก

สังคมไทยจำนวนมากออกมาแสดงจุดยืนว่า การตอบโต้ข่าวลวงควรยึดข้อเท็จจริงและข้อมูลที่ตรวจสอบได้ มากกว่าการโต้กลับด้วยอารมณ์ เพราะยิ่งขยายความขัดแย้งผ่านข่าวปลอม ก็ยิ่งเปิดช่องให้สถานการณ์บานปลาย

ท้ายที่สุด เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า สนามรบยุคใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ชายแดนหรือการทหาร แต่รวมถึง “สงครามข้อมูลข่าวสาร” ที่สามารถสร้างผลกระทบได้ในระดับโลก หากประชาชนและสังคมไม่รู้เท่าทัน ความเสียหายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีการยิงปืนแม้แต่นัดเดียว

📤 แชร์ข่าวนี้


← กลับหน้ารายการข่าว